วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555



วันนี้ของดทำกับข้าวสักวัน เกรงว่าท่านจะเบื่อ ต้มผัด แกง ทอด
วันนี้ก็เลยจะมาทำของหวานให้ทานกันค่ะ
ไอศครีมกะทิสด แบบไทยๆ ทำง่ายๆไม่ยุ่งยาก
ที่สำคัญไม่ต้องมีเครื่องปั่นไอศครีมก็ทำได้..ง่ายมาก
มาดูกันครับว่าทำอย่างไรและใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง
วัตถุดิบก็มี กระทิ1กล่องใหญ่,แป้งข้าวโพด,น้ำตาลทราย,
เกลือป่น,กลิ่นวนิลา ทั้งหมดมี 5 อย่างเท่านี้ค่ะ
คราวนี้เราก็มาดูวิธีการทำ
อันดับแรก เทกะทิลงไปในหม้อ(เหลือไว้ผสมแป้งหน่อยนึง)
ใส่น้ำตาลทรายลงไป 6 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา อย่าใส่มากจะเค็มค่ะ
คนให้เข้ากัน..พักไว้ก่อน
***************
ขั้นตอนต่อไป
นำแป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะผสมกับกะทิที่เหลือ คนให้เข้ากัน
เสร็จแล้วเทแป้งลงไปในหม้อ
เติมกลิ่นวนิลาเพิ่มความหอมลงไป 1 ช่อนชา
หากไม่ชอบไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ
คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน คนมันด้วยทัพพีนั่นแหละค่ะ
เสร็จแล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ..เน้นว่าไฟอ่อนๆนะค่ะ
หมั่นคนไปเรื่อยๆ จนแป้งสุกข้นเป็นครีมขาวสวย
นี่ครับสุกแล้วจะได้เนื้อครีมลักษณะนี้
ยกลงตั้งทิ้งไว้ให้เย็น..แต่ถ้าหากต้องการให้เย็นไวๆ
ใช้วิธีนี้เลยค่ะ
นำน้ำแข็งใส่กาละมังใส่น้ำยกหม้อตั้ง คนเดี๋ยวเดียวก็เย็นแล้วค่ะ
หลังจากเย็นได้ที่แล้วเราก็เทใส่กล่องพลาสติก
เนื้อไอครีมที่ได้ก่อนนำไปแช่ ขาวเนียนสวย
เสร็จจากขั้นตอนนี้ก็ปิดฝา แล้วนำไปแช่ช่องฟิต ประมาณ 6 ชม.
หรือหากไม่รีบทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะดีค่ะ
จะทานของอร่อยๆต้องใจเย็นๆ
**************
หลังจากวันแหละคืนที่เวียนหมุนผ่าน
เราก็นำออกมาจากตู้เย็น..ทำยังไงต่อ
นี่เลยครับใช้ช้อนส้อมขูด
ขูดให้เป็นชิ้นๆ เหมือนขูดหวานเย็นกินแบบนั้นแหละ
เสร็จแล้วก็นำไปปั่น
นี่ไงครับ เครื่องปั่นไอศครีมของผม
ใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ธรรมดานี่แหละค่ะ ปั่นได้สบายมาก
หลังจากขูดเนื้อไอศครีมเสร็จ เราก็เทใส่ลงไปในโถปั่น
กด..ปั่นๆ..หยุด..ปั่น..สัก 2-3 ครั้ง ใช้ช้อนเกลี่ยให้ดี
สังเกตดูว่าเนื้อไอศครีมละเอียดเนียนดีแล้วก็ใช้ได้ค่ะ
เสร็จแล้วก็เทใส่กล่องพลาสติก
ดูกันชัดๆอีกครั้งเนื้อไอศครีมที่ปั่นแล้ว จะเนียน ขาว สวย หอม
ปิดฝานำไปแช่ช่องฟิตเหมือนเดิม
แต่ว่าครั้งนี้ไม่ต้องแช่นานใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ก็นำออกมาทานได้แล้วค่ะ
หากชอบผลไม้อะไรก็ใส่เพิ่มได้ตามชอบ
จะทานเท่าไหนก็ตักมาเท่านั้นที่เหลือก็ปิดฝา
แช่ช่องฟิตไว้อยากทานเมื่อไหร่ก็หยิบมาทานได้เลย
ว่าแล้วก็ตักแจกท่านผู้อ่านคนละถ้วยเลยดีกว่า
ถ้วยนี้แต่งหน้าด้วยลูกเกด เวลาจะทานให้ราดนมสดเพิ่มลงไป
จะทำให้รสชาติหวานมันยิ่งขึ้น
หากไม่ทานอย่าราดนมทิ้งไว้ มันจะละลายนะจะบอกให้
หรือชอบถั่วลิสงก็เพิ่มเข้าไปได้ค่ะ
ครับ.. ไอศครีมกะทิสดวันนี้คิดว่าคงทำกันได้ไม่ยาก
วัตถุดิบก็หาซื้อได้ง่ายๆ แค่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ทำได้
ของหวานแบบไทยๆทำทานได้ในครัวเรือน
หากมีเวลาว่างช่วยกันทำคนละมือคนละไม้
สร้างบรรยากาศความอบอุ่นแก่ครอบครัวได้ดีทีเดียวค่ะ

ขนมหม้อแกง (หม้อแกงเผือก)

เอาขนมไทย มาให้ดูกันบ้าง หม้อแกง เป็นขนมหวาน ที่ผมชอบกินมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณยายจะชอบทำไปใส่บาตร หรือทำบุญในวันเสาร์-อาทิตย์ ทำให้ได้กินเป็นประจำ ตอนนั้นเป็นเด็กก็กินอย่างเดียวครับ พอมาตอนโตที่เริ่มสนใจเรื่องของ การทำอาหารแล้วก็มานึกเสียดายว่าเราไม่ได้เรียนรู้จากคุณยายทั้งที่อยู่ใกล้ตัวมาก แต่ยังไงมันก็เหมือนเป็นการค่อยๆ ซึมซับเพราะเห็นยายทำทุกวัน คงจะเริ่มจากยายนี่ละที่ทำให้ทุกวันนี้ผมรักการทำอาหาร มาว่าถึงขนมหม้อแกงต่อดีกว่า ขนมหม้อแกงนั้นในสมัยก่อนจะทำกันตามงานบุญ งานแต่ง อย่างในงานแต่งจะมีความเชื่อที่ว่า คู่บ่าว-สาว จะได้มีหม้อข้าวหม้อแกงใช้ไปตลอด ประมาณว่ามีกินกันไปตลอดนั้นละครับ ยังไงลองเอาไปทำกันดูนะครับ จะเอาไว้ทำกินเล่น ทำแจก ทำไปงานบุญก็ดี ช่วยกันอนุรักษ์ขนมไทยแบบดั้งเดิมของเราไปในตัว
รูปภาพ
ความยากง่าย:ยาก
ระดับความยากง่าย: ยาก
Cook Time
เวลา: 1 ชั่วโมง
สัญชาติอาหาร:ไทย
ประเภทสัญชาติ:อาหารหวาน
วัตถุดิบหลัก:อื่นๆ| ไข่| กะทิ| แป้ง
วิธีปรุง:อบ
เข้าชม:2049
วัตถุดิบและสัดส่วน:
1. เผือกนึ่งประมาณ 1 ถ้วยตวง
2. ไข่เป็ด (ถ้าไม่มีใช้ไข่ไก่ได้) 3 ฟอง
3. กะทิ (ใช้หัวกะทิ) 1 ถ้วยตวง (ถ้าใครใช้แบบกระป๋องก็ 1 กระป๋อง)
4. น้ำตาลปี๊บ 220 กรัม ( ¾ ถ้วยตวง)
5. เกลือ ¼ ช้อนชา
6. ใบเตย 3-5 ใบ
7. น้ำเปล่า 900 กรัม (4 ถ้วยตวง)
8. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
9.*หอมแดงซอย หรือลูกบัว แล้วแต่ชอบ ใส่หน้าขนม*
ขั้นตอนการปรุง:
1.วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ถ้าใครใส่หอมเจียวก็ล้างให้สะอาดแล้วซอยบางๆ เจียวให้เหลืองกรอบ
2.นำเผือกไปนึ่ง แล้วยีใส่ชามไว้
3. ตอกไข่ใส่ชามผสม เอาใบเตยลงไปขยำ ให้ขึ้นฟู ระหว่างนั้นใส่น้ำตาลปี๊บและเกลือลงไปผสมให้เข้ากัน จากนั้นเทหัวกะทิลงไปผสมและกรองด้วยผ้าขาวบางครับ เพื่อไม่ให้มีเศษผงต่างๆ เนื้อขนมจะได้เนียนสวย
4. เอาเนื้อเผือกลงไปผสม และใส่น้ำมันพืช อาจใช้น้ำมันจากการเจียวหอมลงไป 2 ช้อนโต๊ะ
5. เอาส่วนผสมที่ได้ไปกวนในกระทะทองเหลือง ถ้าไม่มีใช้พวกเทฟลอนก็ได้ ใช้ไฟอ่อน กวนจนเริ่มข้น อย่าให้ถึงกับแตกมันนะครับ
6. เทใส่ถาดอบประมาณ 30-40 นาที ก่อนเอากินก็แต่งหน้าด้วยเม็ดบัว หรือหอมเจียวครับ
เคล็ดลับ:
การนำส่วนผสมที่ได้มากวนด้วยไฟอ่อนอีกครั้ง เพื่อทำให้ส่วนผสมเข้ากันดี ป้องกันการแยกชั้นระหว่างไข่และกะทิ ทำให้เวลาอบออกมาแล้วไม่สวยครับ
                                 สูตรขนมหวานไทย : แกงบวดเผือก
                                                   เครื่องปรุง + ส่วนผสม

ขนมหวานไทย : แกงบวดเผือก
* เผือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 2 1/2 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
* หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
* ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลทราย 40 กรัม
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
* น้ำปูนใส

ขนมหวานไทย : แกงบวดเผือก
ขนมหวานไทย : แกงบวดเผือก

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ทำความสะอาดและหั่นเผือกเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนำไปแช่น้ำปูนใสประมาณ 15 นาทีจึงนำไปล้างทำความสะอาดอีกครั้ง และผึ่งให้แห้ง
2. นำหางกะทิ, ใบเตย, น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บใส่ลงไปในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลางจนเดือด
3. ใส่เผือกที่หั่นไว้แล้วลงไป ต้มต่อไปจนเผือกสุกและนุ่ม (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)
4. ใส่หัวกะทิและเกลือลงไป ต้มต่อจนเืดือดอีกครั้งจึงปิดไฟ
5 . ตักใส่ถ้วย สามารถเสริฟทันทีขณะร้อน หรือปล่อยไว้ให้เย็นแล้วค่อยเสริฟเป็นอาหารว่างในวันสบายๆ




ส่วนผสม บัวลอย
1. น้ำกระทิ 2 กิโลกรัม
2. แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
3. แป้งข้าวเหนียวดำ (ข้าวก่ำ) 200 กรัม
4. น้ำ 2 ถ้วย (3 ช้อนโต๊ะ สำหรับข้าวเหนียวดำ)
5. มะพร้าวขูด 1 ลูก
6. น้ำตาลปึก 650 กรัม
7. เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
8. ใบเตย
9. แครอท
10. มัน
11. เผือก
12. ดอกอัญชัน
13. ฟักทอง
วิธีทำ ขนมบัวลอย
1. ส่วนของตัวแป้ง เริ่มจากสีที่จะผสมแป้ง นุ้ยใช้สีจากธรรมชาติทั้งหมดค่ะ
สีเขียว ได้จาก ใบเตย โดยการนำไป คั้นน้ำ ผสมแป้ง
สีฟ้า ได้จาก ดอกอัญชัน โดยการนำไป คั้นน้ำ ผสมแป้ง
สีเหลืองอ่อน ได้จาก มัน โดยการนำไป นึ่งและบด ผสมแป้ง
สีส้ม ได้จาก แครอท โดยการนำไป นึ่งและบด ผสมแป้ง
สีเหลืองเข้ม ได้จาก ฟักทอง โดยการนำไป นึ่งและบด ผสมแป้ง
สีม่วง ได้จาก เผือก โดยการนำไป นึ่งและบด ผสมแป้ง


นำใบเตย ดอกอัญชัน ไปคั้นน้ำเพื่อใช้ผสมแป้ง
นำมัน แครอท ฟักทอง เผือกไปนึ่งและนำไปบดเพื่อใช้ผสมแป้ง


มันนึ่งบด


ฟักทองนึ่งบด

แครอทนึ่งบด

เผือกนึ่งบด


2. เตรียมในส่วนของแป้ง
แป้งข้าวเหนียวดำ

แม่นายจะเพิ่มรสชาดในตัวแป้งให้มีรสแอบหวานนิดหน่อยโดยนำมันนึ่งบดมาใส่เล็กน้อย แล้วจึงใส่น้ำและนวดคลึงแป้งจนเป็นเนื้อเดียวกัน สังเกตจากแป้งข้าวเหนียว ถ้าแฉะให้เพิ่มแป้ง หรือมีผงแป้งเหลือไม่เกาะเป็นกลุ่มให้เพิ่มน้ำ นวดจนกระทั่งแป้งนุ่นเนียนสามารถปั้นได้
สีม่วงดำ จากแป้งข้าวเหนียวดำ


แป้งข้าวเหนียวสีขาว

วิธีการจะใช้แบบเดียวกันกันแป้งข้าวเหนียวโดยจะเพิ่มรสชาดในตัวแป้งให้มีรสหวานแอบนิดหน่อยโดยนำมันนึ่งบดมาใส่เล็กน้อย แล้วจึงใส่น้ำและนวดคลึงแป้งจนเป็นเนื้อเดียวกัน สังเกตจากแป้งข้าวเหนียวไม่ติดมือให้เพิ่มแป้ง หรือมีผงแป้งเหลือไม่เกาะเป็นกลุ่มให้เพิ่มน้ำ นวดจนกระทั่งแป้งนุ่นเนียนสามารถปั้นได้
สีเขียว จากน้ำใบเตยคั้น (การผสมแป้งในส่วนของน้ำให้เผื่อในส่วนของน้ำใบเตยคั้นด้วยนะค่ะ)

สีฟ้า จากน้ำดอกอัญชันคั้น (การผสมแป้งในส่วนของน้ำให้เผื่อในส่วนของน้ำดอกอัญชันคั้น ด้วยนะค่ะ)

สีเหลืองอ่อน จากการผสมแป้งกับมันนึ่งบด
สีส้ม จากการผสมแป้งกับแครอทนึ่งบด

สีเหลืองเข้ม จากการผสมแป้งกับฟักทองนึ่งบด

สีม่วง จากการผสมแป้งกับเผือกนึ่งบด

3. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ





4. ตั้งน้ำให้เดือด นำแป้งที่ปั้นเป็นก้อนกลมแล้ว ลงไปต้มในน้ำเดือด ต้มจนกระทั่งแป้งสุก นำขึ้นมาพัก


4. ตั้งกระทิ ใส่น้ำตาลปึก เกลือเล็กน้อยลงไป ต้มจนกระทั่งเดือด ทิ้งไว้สักพัก

5. ขูดมะพร้าว

6. นำแป้งที่ต้มแล้ว เทลงหม้อกระทิ

7. ตามด้วยมะพร้าวขูด

8. คนพอเข้ากันยกจากเตา ตักใส่ชามพร้อมทานค่ะ